ปลานิลเป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง (อยู่ในตระกูล
Cichlidae)
มีถิ่นกำเนิดเดิมอยู่ในทวีปแอฟริกา พบทั่วไปตามหนอง บึง และทะเลสาบ
ในประเทศซูดาน อูแกนดา แทนแกนยิกา
เนื่องจากปลาชนิดนี้เลี้ยงง่ายและเติบโตเร็ว
จึงมีผู้สนใจเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย
ปลานิลมีรูปร่างลักษณะคล้ายปลาหมอเทศ
ลักษณะพิเศษของปลานิลนั้น มีริมฝีปากบนและล่างเสมอกัน มีเกล็ด 4
แถวตรงบริเวณแก้ม และจะมีลายพาดขวางลำตัวประมาณ 9-10 แถบ
มีนิสัยชอบอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงตามแม่น้ำ ลำคลอง หนอง บึง
และทะเลสาบ เป็นปลาที่อยู่ได้ทั้งน้ำจืดและน้ำกร่อย มีความอดทน
และสามารถปรับปรุงตัวให้เข้ากับธรรมชาติได้ง่าย
เหมาะสมที่จะนำมาเพาะเลี้ยงในบ่อได้เป็นอย่างดี
ลักษณะเพศ
ตามปกติแล้วรูปร่างลักษณะภายนอกของปลานิลตัวผู้และตัวเมีย
จะคล้ายคลึงกันมาก แต่จะสังเกตได้โดยการดูอวัยวะเพศที่บริเวณใกล้ช่องทวาร
ตัวผุ้จะมีอวัยวะเพศลักษณะเรียวยาวยื่นออกมา
ส่วนตัวเมียจะมีลักษณะเป็นรูปค่อนข้างใหญ่และกลม
ปลาที่จะดูลักษณะเพศได้ชัดเจนนั้น ต้องมีขนาดยาวตั้งแต่ 10
เซนติเมตรขึ้นไป ในกรณีที่ปลามีขนาดโตเต็มที่แล้วนั้น
อาจจะสังเกตได้ด้วยการดูสีที่ลำตัว
เพราะปลาตัวผู้จะมีสีเข้มตรงบริเวณใต้คางและตามลำตัว ต่างกับปลาตัวเมีย
และยิ่งใกล้จะถึงฤดูผสมพันธุ์ สีก็จะยิ่งมีความเข้มยิ่งขึ้น
พ่อแม่ปลานิลที่มีขนาดยาว 10 เซนติเมตร และมีอายุประมาณ
4 เดือนขึ้นไป เป็นปลาโตได้ขนาดพร้อมที่จะสืบพันธุ์ได้
หากสภาพสิ่งแวดล้อมเหมาะสมแล้ว
ปลาตัวผู้ก็จะแยกตัวออกจากฝูงแล้วเริ่มสร้างรังโดยเลือกเอาบริเวณชานบ่อตื้นๆ
ซึ่งมีระดับน้ำลึกประมาณ 30-50 เซนติเมตร
วิธีการสร้างรังนั้นปลาจะปักหัวลง
ในระดับตั้งฉากกับพื้นดินแล้วใช้ปากกับการเคลื่อนไหวของลำตัว
เขี่ยดินตะกอนออก โดยวิธีอมเอาดินตะกอน และเศษสิ่งของต่างๆ
ในบริเวณนั้นไปทิ้งนอกรัง จะทำอยู่เช่นนี้เรื่อยไป
จนกว่าจนได้รังซึ่งมีลักษณะเป็นหลุมที่มีขนาดตามความต้องการ
หากมีปลาอื่นอยู่ในแถวนั้นด้วย
ปลานิลตัวผู้ก็จะพยายามขับไล่ให้ออกไปนอกบริเวณ
ตัวมันเองจะคอยวนเวียนอยู่ในรัศมี 2-3 เมตร รอบๆ รัง
และจะแผ่ครีบหลังอ้าปากกว้างอยู่ตลอดเวลา
อาการเช่นนี้เป็นการเชิญชวนให้ตัวเมียซึ่งว่ายเข้ามาใกล้
ให้เจ้ามายังรังที่ได้สร้างไว้
ปลาตัวเมียบางตัวกว่าจะพบรังที่ถูกใจได้จะฝ่านรังที่ปลาตัวผู้เตรียมไว้ถึง
3 รัง
เมื่อต่างได้คู่แล้ว ก็จับคู่เคียงกันไป
และจะให้หางดีดผัดผันแว้งกัดกันเบาๆ
หลังจากเคล้าเคียงในลักษณะเช่นนี้ครู่หนึ่งแล้ว
ปลาก็จะผสมพันธุ์โดยตัวผู้จะใช้บริเวณหน้าผากดุนที่ใต้ท้องของตัวเมียจะวางไข่ออกมาครั้งละ
10 หรือ 20 ฟอง ในขณะเดียวกัน ปลาตัวผู้ก็จะว่ายคลอคู่เคียงกันไป
พร้อมกับปล่อยน้ำเชื้อผสมกับไข่นั้น ทำอยู่เช่นนี้
จนกว่าการผสมพันธุ์จะแล้วเสร็จ
ไขที่ที่ได้รับการผสมกับน้ำเชื้อแล้วปลาตัวเมียจะเก็บไว้ฟัก
โดยวิธีอมไข่เข้าไปในปาก แล้วว่ายออกจากรังไปยังบริเวณก้นบ่อที่ลึกกว่า
ส่วนตัวผู้ก็จะคอยหาโอกาสเวียนว่ายไปเคล้าเคลียกับตัวเมียอื่นๆ ต่อไปอีก
แม่ปลานิลจะอมไข่ไว้ในปากปลาเป็นเวลา 4-5 วัน
ไข่ก็จะเริ่มฟักออกเป็นตัว ลูกปลาที่ฟักออกเป็นตัวใหม่ๆ
จะอาศัยอาหารจากถุงอาหารจนกระทั่งถุงอาหารธรรมชาติของลูกปลายุบหายไป
หลังจากฟักออกเป็นตัวแล้วประมาณ 3-4 วัน
แม่ปลาก็จะคายลูกปลาให้ว่ายออกมาจากปากลูกปลาในระยะนี้
สามารถกินอาหารจำพวกพืชและไรน้ำเล็กๆ ซึ่งอยู่ในน้ำ
โดยจะว่ายวนเวียนอยู่ที่บริเวณหัวของแม่ปลา
และจะเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในช่องปาก เมื่อต้องการหลบหลีกอันตราย
โดยลูกปลาจะเข้าทางปากหรือทางช่องเหงือก หลังจากลูกปลามีอายุได้ 1
สัปดาห์ จึงจะเลิกหลบเข้าไปซ่อนในช่องปากของแม่
แต่แม่ปลาก็ยังต้องคอยระวังศัตรูให้โดยการว่ายวนเวียนอยู่ใกล้บริเวณที่ลูกปลาหาอาหารกินอยู่
ลูกปลานิลจะรู้จักวิธีหาอาหารกินได้เองเมื่ออายุได้ 3 สัปดาห์
และมักจะว่ายขึ้นกินอาหารรวมกันเป็นฝูงๆ
การแพร่ขยายพันธุ์ของปลานิลนั้น
ปริมาณไข่ที่แม่ปลาวางแต่และครั้งจะมีมากน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของแม่ปลาและฤดูกาล
โดยประมาณแล้วปลานิลตัวเมียจะวางไข่ได้ครั้งละ 50-600 ฟอง
แม่ปลาที่เริ่มวางไข่ครั้งแรกจะให้ลูกปลาจำนวนน้อย
ปริมาณไข่ของแม่ปลาจะเพิ่มมากตามขนาดของแม่ปลาที่เจริญวัยขึ้น
แม่ปลาตัวหนึ่งสามารถว่างไข่ได้ทุกระยะ 2-3 เดือนต่อครั้ง
ถ้าหากบ่อเลี้ยงปลามีสภาพดีและมีการให้อาหารพอเพียง ในเวลา 1 ปี
แม่ปลาตัวหนึ่งจะสามารถแพร่พันธุ์ได้ประมาณ 3-4 ครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น